ประวัติ คริสเตียน เอริคเซ่น (Christian Dannemann Eriksen)
ประวัติข้อมูลส่วนตัวของคริสเตียน เอริคเซ่น
ชื่อเต็ม : คริสเตียน ดานเนมันน์ เอริคเซ่น (Christian Dannemann Eriksen)
วันเกิด : 14 กุมภาพันธ์ 1992 (30 ปี)
สถานที่เกิด : เมืองมิดเดลฟาร์ท
สัญชาติ : เดนมาร์ก
ส่วนสูง : 1.82 เมตร
สโมสรปัจจุบัน : แมนยูเชสเตอร์ยูไนเต็ด
ตำแหน่งที่เล่น : กองกลาง
สวมเสื้อเบอร์ : 14
ลงเล่น : 20
ยิงประตู : 2
ประวัติ ไค ฮาแวร์ตซ์ การเล่นในระดับสโมสรที่ผ่านมา
2010–2013 อายักซ์
2013–2020 ทอตนัมฮอตสเปอร์
2020–2021 อินเตอร์มิลาน
2022 เบรนต์ฟอร์ด
2022– แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
เส้นทางชีวิตการค้าแข้งของ : คริสเตียน เอริคเซ่น
เอริคเซ่น เริ่มต้นเส้นทางสู่การเป็นนักฟุตบอลอาชีพด้วยการเล่นให้อะคาเดมี่ของ มิดเดลฟาร์ท จีแอนด์บีเค สโมสรในย่านท้องถิ่น โดยถือเป็นการตามรอย โธมัส คุณพ่อของเขา แถมที่จริง โธมัส ก็เป็นหนึ่งในโค้ชของ มิดเดลฟาร์ท จีแอนด์บีเค ในตอนที่ เอริคเซ่น เข้าไปเล่นกับทีมด้วย
เอริคเซ่น ทำผลงานได้ดีกับมิดเดลฟาร์ทจนมีส่วนช่วยให้ทีมไม่แพ้ใครเลยกับการลงเล่นระดับเยาวชนด้วย ซึ่งผลงานของเขาไปเข้าตาแมวมองของ โอเดนเซ่ โบลด์คลุบ ทีมฟุตบอลอาชีพในแดนโคนมจนได้ย้ายไปอยู่กับทีมเยาวชนในปี 2005
ที่นี่เองที่ เอริคเซ่น เริ่มแสดงให้เห็นถึงความสามารถด้านเทคนิค, การเลี้ยงบอล และการยิงฟรีคิกอันน่าทึ่งจนไปเข้าตาทีมดังหลายทีม แถมเขายังได้ไปฝึกฝีเท้ากับสโมสรอย่าง เรอัล มาดริด, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ เอซี มิลาน ด้วย แต่สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะไปอยู่กับ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม
โดยเจ้าตัวให้เหตุผลว่า “ก้าวแรกของผมมันไม่ควรจะใหญ่เกินไป ผมรู้ดีว่าการได้เล่นใน ฮอลแลนด์ จะเป็นผลดีมากๆ ต่อพัฒนาการของผม แล้ว อาแจ็กซ์ ก็ติดต่อมาพอดี มันเป็นทางเลือกที่วิเศษ”
อาแจ็กซ์ จ่ายเงิน 1 ล้านยูโรให้ โอเดนเซ่ พร้อมจับ เอริคเซ่น เซ็นสัญญากัน 2 ปีครึ่ง เมื่อช่วงเดือนตุลาคม ปี 2008 โดยตอนแรกๆ เขายังต้องอยู่กับอะคาเดมี่ของ อาแจ็กซ์ ก่อน แต่เจ้าตัวพัฒนาฝีเท้าได้ดีจนขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ได้เป็นครั้งแรกเมื่อช่วงเดือนมกราคม 2010 โดยเกมแรกของเขาคือเกมลีกนัดเสมอ เอ็นเอซี เบรด้า 1-1 ภายในเดือนเดียวกัน
วันที่ 25 มีนาคม 2010 เอริคเซ่น ทำประตูแรกกับทีมชุดใหญ่ของอาแจ็กซ์ได้ในเกม ดัตช์ คัพ ที่ชนะ โก อเฮด อีเกิ้ลส์ 6-0 ก่อนที่เขาจะจบฤดูกาล 2009-10 ด้วยการได้ลงเล่นไป 21 นัดจากทุกรายการ พร้อมกับทำได้ 1 ลูก
ในซีซั่น 2010-11 เอริคเซ่น ได้เป็นหนึ่งในตัวหลักของทีมมากกว่าเดิมจนได้ลงสนามไป 47 นัดในทุกรายการพร้อมกับทำได้ 8 ลูก ขณะที่ในฤดูกาล 2011-12 กับ 2012-13 เขาได้ลงเล่นไป 44 นัดกับ 45 เกมในทุกรายการ ตามลำดับพร้อมกับประสบความสำเร็จหลายอย่างกับทีม อาทิเช่น แชมป์ เอเรดิวิซี่ 3 สมัย
ช่วงซัมเมอร์ 2013 เอริคเซ่น รู้สึกว่าเขาพร้อมที่จะก้าวไปอีกระดับแล้ว จึงตัดสินใจย้ายไปเล่นใน พรีเมียร์ลีก กับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ในยุคของ อันเดร วิลลาช-โบอาช ด้วยค่าตัวที่เชื่อกันว่าอยู่ที่ 11 ล้านปอนด์ และได้ประเดิมสนามให้ “ไก่เดือยทอง” ในเกมที่เจอกับ นอริช ซิตี้ เมื่อวันที่ 14 กันยายน ซึ่งเขาเป็นคนผ่านบอลให้ กิลฟี่ ซิกูร์ดส์สัน ทำประตูได้ด้วย ก่อนที่ สเปอร์ส จะชนะไป 2-1
เอริคเซ่น ไม่จำเป็นต้องรอนานกับการเบิกประตูแรกกับ สเปอร์ส เมื่อทำได้ในเกม ยูฟ่า ยูโรปา ลีก นัดเจอกับ ทรอมโซ่ ในอีก 5 วันให้หลัง แถมเขายังเคยทำประตูให้ทีมชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-1 รับวันปีใหม่ของปี 2014 ได้ด้วย โดยซีซั่นนั้นเขาลงเล่นไป 36 นัดในทุกรายการ พร้อมกับทำได้ 10 ลูก และได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำซีซั่นของ สเปอร์ส
แม้ว่าในช่วงซัมเมอร์ 2014 สเปอร์ส จะเปลี่ยนตัวผู้จัดการทีมจาก วิลลาช-โบอาช มาเป็น เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ แต่ว่า เอริคเซ่น ยังรักษาตำแหน่งตัวจริงเอาไว้ได้จนได้ลงเล่นให้ สเปอร์ส อย่างต่อเนื่อง
เอริคเซ่น มีความจงรักภักดีต่อ สเปอร์ส อย่างมากหลังจากช่วงซัมเมอร์ 2015 เขามีข่าวกับ แมนฯ ยูไนเต็ด อย่างหนัก แต่เจ้าตัวออกมาชี้แจงเองว่าจะอยู่กับทีมต่อไป “ที่ ท็อตแน่ม ผมรู้สึกดีจนเหมือนได้อยู่ที่บ้านของตัวเอง ผมยังไม่ได้คิดเกี่ยวกับการย้ายทีมเลย”
อนิจจา ทุกอย่างมันไม่มีอะไรแน่นอน หลังจากทำผลงานได้โดดเด่นกับ สเปอร์ส อยู่เรื่อยๆ แต่กลับไม่มีแชมป์มาประดับชีวิตเพิ่มสักที สุดท้ายแล้ว เอริคเซ่น ตัดสินใจบอกลาทีมดังกรุงลอนดอนเพื่อที่จะไปอยู่กับ อินเตอร์ มิลาน ในช่วงเดือนมกราคม 2020
คริสเตียน เอริคเซ่นกับการรับใช้ทีมชาติเดนมาร์ก
เอริคเซ่น ผ่านการเล่นในทีมเยาวชนมา 4 รุ่น ประกอบด้วยรุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี, 18 ปี, 19 ปี และ 21 ปี โดยตอนเล่นให้ทีมรุ่นอายุไม่เกิน 17 ปีเขาเคยได้รับรางวัลนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมของทีมรุ่นนั้นจากสมาคมฟุตบอลเดนมาร์กด้วย
ส่วนกับทีมชาติชุดใหญ่ เอริคเซ่น ได้ประเดิมสนามกับทีมในเกมอุ่นเครื่องกับ ออสเตรีย ทำให้เขาเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดนับตั้งแต่ ไมเคิ่ล เลาดรู๊ป ที่ได้ประเดิมสนามกับ เดนมาร์ก แถมยังเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดเป็นอันดับ 4 ที่ได้เล่นให้ทัพ “โคนม” เช่นกัน
ในศึก ฟุตบอลโลก 2010 เอริคเซ่น มีชื่อติดทีมชาติเดนมาร์กด้วย ทำให้เขาเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดของทัวร์นาเมนท์นั้น และหลังจากนั้นเขาก็เป็นตัวหลักของทีมมาเรื่อยๆ ซึ่งเขามักจะทำผลงานได้ดีอยู่บ่อยๆ อย่างเช่นใน ฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก ที่ทำได้ถึง 8 ประตู
ในวันที่ 12 มิถุนายน ปี 2021 เอริคเซ่น ต้องเจอกับเรื่องที่คาดไม่ถึงตอนที่กำลังเล่นให้ เดนมาร์ก ในเกม ยูโร 2020 รอบแบ่งกลุ่ม นัดแรก ที่เจอกับ ฟินแลนด์ จู่ๆ เขาวูบทิ้งตัวลงนอนกับพื้นไปในช่วงนาทีที่ 42 จนทีมแพทย์ต้องเข้ามาดูอาการของเขาทันที ซึ่งมีการเปิดเผยในภายหลังว่าเกิดจากการที่มีอาการหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน
เรื่องดังกล่าวทำให้หลายคนตกใจมากๆ แต่สุดท้ายเขารักษาตัวฟื้นฟูร่างกายจนได้ออกจากโรงพยาบาล โดยมีการติดตั้งอุปกรณ์กระตุ้นหัวใจให้กับเขา ซึ่งนอกจากจะกลับมาเล่นในระดับสโมสรได้นั้น เอริคเซ่น ยังได้กลับมาติดทีมชาติเดนมาร์กเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2022 และม่ชื่อลุยศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบสุดท้ายที่กาตาร์ด้วย
ผลงานส่วนตัวของ คริสเตียน เอริคเซ่น
รางวัลส่วนตัว
2007–2009 เดนมาร์ก รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี ลงเล่น 27 ยิง (9)
2009 เดนมาร์ก รุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี ลงเล่น 5 ยิง (1)
2009 เดนมาร์ก รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี ลงเล่น 3 ยิง (1)
2011 เดนมาร์ก รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี ลงเล่น 3 ยิง (1)
2010– เดนมาร์ก ลงเล่น 117 ยิง (39)
ผลงานกับสโมสร
อาแจ็กซ์
แชมป์เอเรดิวิซี่ : 2010–11, 2011–12, 2012–13
แชมป์เคเอ็นวีบี คัพ : 2009-10
แชมป์โยฮัน ครัฟฟ์ ชิลด์ : 2013
อินเตอร์ มิลาน
แชมป์เซเรีย อา : 2020-21