ประวัติ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ กัปตันทีมไฟแรงเจ้าพ่อคอนเทนต์
ประวัติ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ (Harry Maguire) กัปตันทีมไฟแรงเจ้าพ่อคอนเทนต์
แฮร์รี่ แม็คไกวร์ เกิดเมื่อวันที่ 5 มีนาคม ปีค.ศ.1993 ในเมืองเชฟฟิลด์ ของประเทศอังกฤษ มีส่วนสูง 194 เซนติเมตร เล่นตำแหน่งกองหลัง และปัจจุบันเล่นให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งนักเตะคนนี้ก็มีความน่าสนใจอย่างมาก เนื่องจากในฤดูการแข่งที่ผ่านมา เขาไม่สามารถแสดงผลงานออกมาได้ดี ทำให้แฟนบอลบอลจำนวนไม่พอใจต่อการเล่นของเขา รวมถึงได้รับความเกลียดชังจนทำให้มีจดหมายขู่วางระเบิดส่งมาให้ หากเขาไม่ยอมออกจากทีม จะต้องโดนระเบิด
ประวัติข้อมูลส่วนตัวของแฮร์รี่ แม็คไกวร์
ชื่อเต็ม : แฮร์รี่ แม็คไกวร์ (Harry Maguire)
วันเกิด : 5 มีนาคม ค.ศ.1993 (29 ปี)
สถานที่เกิด : เชฟฟิลด์ ประเทศอังกฤษ
สัญชาติ : อังกฤษ
ส่วนสูง : 1.94 เมตร
สโมสรปัจจุบัน : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ตำแหน่งที่เล่น : กองหลัง
สวมเสื้อเบอร์ : 5
ลงเล่น : 337
ยิงประตู : 21
ประวัติ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ การเล่นในระดับสโมสรที่ผ่านมา
ค.ศ. 2010 – 2014 Sheffield United ลงเล่น 52 ยิง 6 ประตู
ค.ศ. 2014 – 2017 Hull City ลงเล่น 36 ยิง 3 ประตู
ค.ศ. 2014 – 2014 Wigan Athletic(ยืมตัว) ลงเล่น 16 ยิง 1 ประตู
ค.ศ. 2017 – 2019 Leicester City ลงเล่น 76 ยิง 5 ประตู
ค.ศ. 2019 – ปัจจุบัน Manchester United ลงเล่น 143 ยิง 7 ประตู
เส้นทางชีวิตการค้าแข้งของแฮร์รี่ แม็คไกวร์
แฮร์รี่ แม็คไกวร์ เกิดเมื่อวันที่ 5 มีนาคม ปีค.ศ.1993 ในเมืองเชฟฟิลด์ ของประเทศอังกฤษ มีส่วนสูง 194 เซนติเมตร เล่นตำแหน่งกองหลัง และปัจจุบันเล่นให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งนักเตะคนนี้ก็มีความน่าสนใจอย่างมาก เนื่องจากในฤดูการแข่งที่ผ่านมา เขาไม่สามารถแสดงผลงานออกมาได้ดี ทำให้แฟนบอลบอลจำนวนไม่พอใจต่อการเล่นของเขา รวมถึงได้รับความเกลียดชังจนทำให้มีจดหมายขู่วางระเบิดส่งมาให้ หากเขาไม่ยอมออกจากทีม จะต้องโดนระเบิด
แน่นอนว่าเรื่องนี้ทำให้เจ้าตัวเกิดความกดดันเป็นอย่างมาก แต่นี่ก็ไม่ใช่เป็นเพียงเพราะการเล่นของเขาคนเดียว ซึ่งต้องย้อนไปดูว่ากุนซือตอนนั้นเป็นใคร มีการวางแผนอย่างไรในการเล่นของทีมด้วย และสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกกดดันสูงก็มีสาเหตุมากจากการถูกซื้อตัวมาเล่นให้กับทีม ด้วยสถิติการจ่ายเงินแพงที่สุดในโลกนั่นเอง โดยวันนี้เราจะมาดูประวัติของเขาอย่างละเอียดกัน
จุดเริ่มต้นในการเป็นนักฟุตบอลของเขา เริ่มต้นจากพี่ชายของเขาเองนี่แหละ หลังจากที่เขาได้รับคำแนะนำให้รู้จักกับฟุตบอล ก็เป็นการจุดประกายความฝันของเด็กชายคนนี้ขึ้นมา จากนั้นเขาก็ลองเข้าไปคัดตัวกับสโมสรเยาวชน เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด เพราะอยากติดทีมชาติ โดยเริ่มเล่นตำแหน่งกองกลาง และตอนที่เขาอายุ 16 ปี ด้วยรูปร่างที่สูงใหญ่มากขึ้นของเขา ทำให้ได้เลื่อนตำแหน่งไปเล่นกองหลังแทน และก็ทำให้การเล่นประสบความสำเร็จอย่างยอดเยี่ยม สามารถทำผลงานออกมาได้เป็นอย่างดี
ในปี 2011 เขามีอายุครบ 18 ปี ทางสโมสรผลักดันให้ลงแข่งกับทีมชุดใหญ่ โดยการแข่งแรกพบกับ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ จากการเล่นเป็นตัวสำรองก่อน และเมื่อได้ลงสนาม เขาก็ทำผลงานได้อย่างดี จากการเล่นเป็นตัวสำรองให้ทีไม่กี่ครั้ง ก็ส่งผลให้เขากลายเป็นตัวจริงได้สำเร็จ พร้อมทั้งมีส่วนทำให้ทีมไม่ต้องลงไปเล่นในลีกวันได้ด้วย จากนั้นเขาก็ยังคงฟอร์มการเล่นเอาไว้ได้ดี แต่ก็ไม่อาจพาทีมเอาชนะฮัลล์ ซิตี้ได้ จนทำให้การแข่งขันต้องหยุดอยู่ที่รอบ 4 เท่านั้น
หลังจากเล่นให้กับทีมรองอังกฤษเป็นเวลานาน เขาก็ได้ถูกย้ายไปเล่นให้กับสโมสร ฮัลล์ ซิตี้ เนื่องจากว่ามองเห็นความสามารถของเขา โดยดึงตัวไปช่วยเล่นในปี 2013 ซึ่งนี่คือก้าวแรกของการเข้าสู่พรีเมีย์ลีกของเขาอย่างเต็มตัว แต่อย่างไรก็ตาม สโมสรของเขาก็เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมาอยู่บนพรีเมียร์ลีกไม่นาน และเขาก็ต้องปรับตัวกับการเล่นให้เยอะกว่าเดิม จนผู้จัดการทีมส่งไปเล่นเพื่อหาประสบการณ์กับสโมสร วีแดน แอธเลติก แทนใช่วงที่ถูกยืมตัวไปเล่น ซึ่งเขาก็ได้พิสูจน์จนทำให้ทุกคนเห็นว่าเขาเป็นคนที่มีความพร้อมมีความสามารถแล้ว ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถพาทีมให้รอดพ้นจากากรตกชั้นอีกครั้งในปี 2015 ก็ตาม แต่ในการร่วมเล่นอีกครั้งก็ทำให้เขาพาทีมขึ้นไปสู่พรีเมียร์ลีกได้ในปี 2016 แม้ว่าตอนสุดท้ายจะต้องตกชั้นลงมาอีกครั้งก็ตาม
จากเหตุการณ์ทั้งหมดที่เขาต้องเจออยู่นี้เอง ทำให้เจ้าตัวตัดสินใจไปเล่นกับสโมสรใหญ่อย่าง เลสเตอร์ ซิตี้ ด้วยค่าตัวเพียง 17 ล้านปอนด์ แต่ผลที่เขาทำได้นั้นกลับดีเกินความคาดหมายของหลายๆคน จนทำให้ได้กลายเป็นนักเตะคนสำคัญให้กับทีมได้ทัน ซึ่งเขาทำให้เกมรับมีความแข็งแกร่งขึ้นมาก ซึ่งตอนนั้นเรียกได้ว่าเป็นช่วงเพื่อนร่วมทีม รวมถึงแฟนบอลพากันชื่นชอบและรักในตัวของแฮร์รี่ แม็คไกวร์ โดยที่ไม่รู้จักชื่อของเขา ด้วยความสามารถเหล่านี้เองทำให้ความโดดเด่นไปเตะตาสโมสรปีศาจแดงเข้า ทำให้เขาถูกดึงตัวไปร่วมทีมด้วย จากการควักเงินจ่ายค่าตัวสูงถึง 87 ล้านปอนด์ โดยแลกกับสัญญาเล่นให้กับทีมถึง 6 ปีเลยล่ะ
และหลายๆคนรู้หรือไม่ ว่าเขาคนนี้มีฉายาว่าเจ้าพ่อ Content ด้วย ซึ่งเรื่องนี้มีที่ไปที่มาอย่างไร มาดูพร้อมๆกันได้เลย เริ่มจากในฤดูกาลที่ผ่านมา 2021 ทั้งแฟนของแมนยูและเหล่าผู้เล่นในทีมทุกคนต่างต้องเผชิญกับความย่ำแย่ เนื่องจากว่าไม่สามารถทำฟอร์มการเล่นให้ดีขึ้นมาได้ ทำให้เข้าถูกตั้งข้อกังขาต่างๆมากมาย จนมีหลายครั้งเขาได้ก่อนเรื่องทำให้สื่อต้องนำไปทำข่าวอยู่เสมอ ซึ่งล้วนเป็นเรื่องที่เป็นไปในทางไม่ดีสักเท่าไหร่นั่นเอง
แม็คไกวร์กับการรับใช้ทีมชาติอังกฤษ
แม็คไกวร์ ติดทีมชาติอังกฤษตำแหน่งกองหลังตัวจริงของทีมจิ้งจอกสีน้ำเงินได้ และมีชื่อไปติดทีมชาติอังกฤษไปเล่นในศึกฟุตบอลโลก 2018 รวมไปถึงกลายเป็นหนึ่งในกองหลังที่เนื้อหอมที่สุด มีแต่ทีมใหญ่ต้องการตัวหลังจบศึกฟุตบอลโลก
โดยปัจจุบันเจ้าตัวก็ยังเป็นตัวหลักของทีมชาติ อังกฤษ ภายใต้กุนซืออย่าง แกเร็ท เซาท์เกต และทำประตูได้ในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก
ผลงานส่วนตัวของ แฮร์รี่ แม็คไกวร์
รางวัลส่วนตัว
นักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมของ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 1 สมัย : 2011/12
นักเตะยอดเยี่ยมของ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 3 สมัย : 2011/12, 2012/13, 2013/14
นักเตะยอดเยี่ยมของ ฮัลล์ ซิตี้ จากการโหวตของเพื่อนร่วมทีม 1 สมัย : 2016/17
นักเตะยอดเยี่ยมของ ฮัลล์ ซิตี้ จากการโหวตของแฟนบอล 1 สมัย : 2016/17
นักเตะยอดเยี่ยมของ เลสเตอร์ ซิตี้ 1 สมัย : 2017/18
นักเตะยอดเยี่ยมของ เลสเตอร์ ซิตี้ จากการโหวตของเพื่อนร่วมทีม 1 สมัย : 2017/18