หลังจากที่เป็นประเด็นถกเถียงกันของเหล่าแฟนบอล เมื่อช่วงหนึ่งมีถึง 3 ทีมที่คะแนนเท่ากัน ลูกได้เสียเท่ากัน และอยู่หัวตารางทั้ง 3 ทีม ซึ่งล่าสุดทาง พรีเมียร์ลีกเฉลยแล้วทำไม Chelsea ถึงเป็นจ่าฝูง ?
หลังจากที่ช่วงหนึ่งเรื่องราวของทีมหัวตารางถูกถกเถียงกันจนเป็นกระแสและเป็นเรื่องราว หลายคนให้ความเห็นต่างกัน จนในท้ายที่สุดแล้วต้นทางอย่าง Premier League อังกฤษ ก็ได้ออกมาเฉลยคำถามดังกล่าวว่าทำไมในตอนนี้ Chelsea ถึงได้ขึ้นนำเป็นจ่าฝูงในขณะที่ Liverpool เองก็มีคะแนนและผลต่างอื่นๆ เท่ากันกับเชลซีแปะๆ : พรีเมียร์ลีกเฉลยแล้วทำไม Chelsea ถึงเป็นจ่าฝูง ?
จากสถิติการแข่งขัน 5 นัด หลังสุดของทั้ง 2 ทีม จะเห็นได้ว่าพวกเขามีผลการแข่งขันที่เท่ากัน ซึ่ง 1 ในการแข่งขันซึ่งเป็นอีก 1 เหตุผลของแต้งคะแนนที่สำคัญคือการเจอกันเองของทั้ง 2 ทีม และผลออกมาเสมอกัน !! ซึ่งทำให้ผลปรากฏว่าทั้งเชลซีและลิเวอร์พูล สามารถทำคะแนนขึ้นนำในหัวตาราง มี 13 คะแนน โดยมีประตูได้เสียเท่ากัน คือ ยิงได้ 12 ประตู เสีย 1 ประตู ผลต่างประตูได้เสียคือ +11 ประตูเท่ากัน
ซึ่งในกฏของทางพรีเมียร์ลีก ก็ได้กล่าวถึง การจัดอันดับที่มีการระบุไว้ในกฎข้อที่ 7 ว่า “ในการจัดอันดับตารางคะแนนระหว่างฤดูกาล (เมื่อฤดูกาลยังไม่สิ้นสุด) ทีมที่มีผลคะแนน , ลูกได้เสีย และ ประตูเท่ากัน ให้ถือว่าครองอันดับร่วมกันในตารางคะแนน”
ซึ่งในสถานการณ์ปัจจุบันของทั้งสองทีม จึงยังถือว่าครองจ่าฝูงร่วมกันหรือเป็นอันดับ 1 ร่วมกัน แต่เนื่องจากตารางคะแนนจะถูกจัดเป็นแนวตั้งลงมา ดังนั้น เชลซี ที่มีตัวอักษร C นำหน้า ที่มาก่อน ลิเวอร์พูล ที่มีตัวอักษร L จึงอยู่ในหัวตาราง แต่ในทางทฤษฎีแล้ว ถือว่าทั้งคู่เป็นจ่าฝูงร่วมกัน
แต่ถ้าหากสมมุติว่าสถานการณ์ยังดำเนินไปแบบนี้จนถึงจบฤดูกาล กฎการแข่งขันที่ระบุไว้ในข้อที่ 17.1 ก็จะเริ่มทำงาน ซึ่งจะพิจารณาจาก Head to Head – H2H “เฮดทูเฮด” ในการเจอกันของทั้งคู่ ทีมใดที่มีคะแนนในการเจอกันมากกว่า จะมีอันดับที่ดีกว่าอีกทีม แต่ถ้าหากยังเท่ากัน กฎในข้อ 17.2 ก็ได้ระบุเพิ่มเติมไว้ว่า ทีมที่สามารถทำประตูในฐานะทีมเยือนได้มากกว่าจะเป็นทีมที่มีอันดับสูงกว่า
ทั้งนี้ หากยังไม่สามารถตัดสินได้ จะต้องมีการเพลย์ออฟเกิดขึ้น เพื่อหาทีมที่มีอันดับสูงกว่า โดยสถานที่, รูปแบบและช่วงเวลา ขึ้นอยู่กับฝ่ายจัดการแข่งขันซึ่งจะมอบอำนาจให้ทางพรีเมียร์ลีกเป็นผู้กำหนด
อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้การแข่งขันเพิ่งผ่านไป 5 นัด จากทั้งหมด 38 นัด เท่านั้น จึงยังไม่สามารถนำกฏอื่นๆ มาใช้ตัดสินความเป็นที่ 1 ได้ แต่ก็ต้องนับว่านี่เป็นอีก 1 ในเหตุการณ์สำคัญที่จะถูกพูดถึง เนื่องจากในฤดูกาลล่าสุดทั้ง 2 ทีมก็นับว่ามีผลงานที่ยอดเยี่ยมมากและทั้งคู่ก็ยังมีสุดยอดโค้ชที่ถูกยกย่องในช่วงฤดูกาลหลังที่ผ่านมา ทั้ง เจอร์เก้น คล็อปป์ และ โทมัส ทูเคิ้ล แต่ถ้าหากจบฤดูกาลแล้วมีทีมที่มีคะแนนเท่ากันในสถานการณ์แบบนี้ เราอาจจะต้องพูดถึงกฏที่เกี่ยวข้องกันอีกครั้งเพื่อหาผู้ชนะเพียง 1 เดียว แน่นอน.
ติดตามผลบอลสดได้ที่ : ผลบอลสด ผลบอลสด THscore
ติดตามผลบอลล่าสุดได้ที่ : ผลบอลล่าสุด ผลบอลย้อนหลัง
ติดตามโปรแกรมบอลพรุ่งนี้ได้ที่ : โปรแกรมบอลพรุ่งนี้
ติดตามข้อมูลการวิเคาะห์บอลได้ที่ : วิเคราะห์บอล UFAPB