เคนชะลอสัญญาใหม่ เพื่อรอข้อเสนอจากบาเยิ่นฯ

เคนชะลอสัญญาใหม่

เคนชะลอสัญญาใหม่ รายงานล่าสุดอาจทำเอาแฟน ๆ ยิดอาร์มี่ สเปอร์ใจคอไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ เมื่อมีการเปิดเผยว่า แฮร์รี่ เคน ปฏิเสธสัญญาฉบับใหม่ ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ส เนื่องจากกัปตันทีมชาติอังกฤษ หวังรอข้อเสนอจากสโมสรบาเยิ่น มิวนิค ในช่วงฤดูร้อน 2023 ปัจจุบันเคนเหลือสัญญากับท็อตแน่มฯ ถึงซัมเมอร์ 2024 ข่าวดังกล่าวถือเป็นจุดเริ่มต้นมหากาพย์ย้ายทีมภาค 2 ของเคน อีกครั้ง 

อนาคตของเคนกับสโมสรลอนดอนเหนือยังมีความไม่แน่นอน ขณะเดียวกันแหล่งระบุว่า บาเยิ่น มิวนิค ตั้งเป้าเซ็นสัญญากองหน้าวัย 29 ปี เข้ามาทดแทน โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ที่เพิ่งย้ายไปร่วมทีมบาร์เซโลน่าเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ปัจจุบันทีมของจูเลียน นาเกิลส์มัน ประกอบไปด้วยแนวรุกตัวจัดอย่าง ซาดิโอ มาเน่,เลรอย ซาเน,จามาล มูเซียลล,คิงสลีย์ โกม็อง,เซิร์จ นาบี้ และโธมัส มุลเลอร์ อย่างไรก็ตาม จากรายชื่อข้างต้น ยอดทีมแคว้นบาวาเรียไม่มีกองหน้าตัวเป้าธรรมชาติอย่างชัดเจน

ขณะที่ Bild สื่อดังเยอรมัน รายงานว่า บาเยิ่น มิวนิค พร้อมทุ่มเทสุดแรงกายแรงใจ เพื่อนำตัวเคนมาร่วมทีม ฤดูร้อน 2023 ให้จงได้ ขณะเดียวกันมีการเปิดเผยว่า ทางบาเยิ่น มิวนิค พยายามแสดงสัญญาณบ่งบอก นักเตะวัย 29 ปี ควรระงับการขยายสัญญาฉบับใหม่ออกไป เนื่องจากทางบาเยิ่นฯ ยินดีทุ่มเงินเต็มตัว กรณีนักเตะปฏิเสธขยายสัญญาฉบับใหม่

เคนชะลอสัญญาใหม่

อย่างไรก็ตาม ฮาซาน ซาลิฮามิดชิช ผอ.การกีฬาบาเยิ่นฯ สัมภาษณ์กับสื่อสกายเยอรมันว่า “มันยังเร็วเกินไปที่เราจะสรุปเรื่องนี้” เป็นที่เข้าใจกันดีว่าปัจจุบันเคนกำลังโหยหาความสำเร็จ(ถ้วยรางวัล)อย่างมาก เนื่องจากตลอดเวลาที่เคนอยู่สเปอร์เขาไม่เคยคว้าถ้วยรางวัลระดับสโมสรใด ๆ เลย แน่นอนว่าการย้ายข้ามฟากมาบาเยิ่นฯที่บุนเดสลีกา ย่อมการันตีความสำเร็จอย่างแน่นอน

ด้านอันโตนิโอ คอนเต้ ผู้จัดการทีมท็อตแน่มฯ หวังให้แฮร์รี่ เคน อยู่กับทีมต่อไป โดยเมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาผู้จัดการชาวอิตาเลี่ยนเคยออกมาให้สัมภาษณ์ ทำนองว่า นี่คือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่นักเตะวัย 29 ปี จำเป็นต้องขยายสัญญาฉบับใหม่กับทีมท็อตแน่ม สเตเดี้ยมต่อไป “ผมเข้าใจดีว่านักเตะต้องการอยู่กับทีมที่กำลังเคลื่อนไปในทิศทางที่ถูกต้อง ซึ่งกระบวนการนี้กำลังเริ่มต้นจากสิ่งที่พวกคุณเห็นได้ในตอนนี้” “ผมคิดว่าแฮร์รี่กำลังแฮป์ปี้อย่างแน่อนนจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น” อันโตนิโอ คอนเต้

แฮร์รี่ เคน ปัจจุบันอายุ 29 ปี เคนได้รับการยกย่องเป็นกองหน้าตัวเป้า ติดท็อป 1 ใน 5 ของโลก ดังนั้นจึงไม่แปลกใจที่สโมสรบาเยิ่น มิวนิคได้วางเคนเป็นผู้สืบทอดเครื่องจักรผลิตสกอร์ แทนการย้ายออกไปของโรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้

เซเนกัล ทำได้ผงาดคว้าแชมป์แอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์ สมัยแรกได้สำเร็จ "ซาดิโอ มาเน่" ซัดชัยปิดกล่องช่วงดวลจุดโทษ

ก็ได้จบกันไปแล้วกับศึกฟุตบอลแอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์ 2021 ที่พึ่งจัดขึ้นเป็นสมัยแรก โดยในนัดชิงเป็นการโคจรมาพบกันระหว่าง เซเนกัล-อียิปต์ และเป็นการพบกันเองระหว่าง 2 ดาวเตะหงส์แดง ลิเวอร์พูล อย่าง ซาดิโอ มาเน่ และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ โดยในนัดนี้ดูจากรูปเกมแล้วทางฝั่ง เซเนกัล ที่มีขุมกำลังเหนือกว่าอยู่แล้ว ดูเป็นฝ่ายบุกใส่ตลอดทั้งเกม และมีจังหวะจบสกอร์ที่มากพอสมควร แต่นายด่านทีมชาติอียิปต์อย่าง โมฮาเหม็ด อาบู กาบาล กับโชว์ฟอร์มในนัดนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้จบ 120 นาที เสมอกันไป 0-0 แต่ผู้ชนะต้องมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น จึงต้องตัดสินกัน ด้วยการดวลจุดโทษ และก็เป็นทางทีมชาติเซเนกัลที่แม่นจุดโทษกว่า เอาชนะไปด้วยประตูการดวลจุดโทษ 4-2 ผงาดคว้าแชมป์แอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์ 2021 เป็นสมัยแรกในประวัติศาสตร์ ชาติแอฟริกาใต้

ดิอาซเปิดตัวสวย เอลเลียตต์ลงสนามหลังหายเจ็บหนัก พร้อมโชว์ฟอร์มโหด ลิเวอร์พูลอัดคาร์ดิฟฟ์ ลิ่วรอบ 5 เอฟเอ คัพ ไปพบกับ นอริช

หลุยส์ ดิอาซ ดาวยิงชาวโคลอมเบีย และฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ ค่ำคืนที่ผ่านมาทั้งคู่ได้ลงสนามโชว์ฟอร์มสุดโหดทุบคาร์ดิฟฟ์ 3-1 ทั้งสองคนนั้น มีส่วนกับประตูทั้งสิ้น โดยลิเวอร์พูล ใช้โควต้าเปลี่ยนผู้เล่นทีเดียวสองคนในนาทีที่ 57 ส่งทั้ง ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ และ หลุยส์ ดิอาซ โดยนาที ที่ 68 เป็นความขยันของ หลุยส์ ดีอาซ ที่ไปแย่งบอลกับกองหลังคาร์ดิฟฟ์ก่อนจะเปิดบอลย้อนกลับเข้ามาให้มินามิโนะ วิ่งมาซัดเต็มๆ เท่านั้นยังไม่พอ นาที  76 เครื่องจักรสีแดงก็ได้ประตูลูกที่ 3 อีก จากเจ้าหนู ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ ตวัดยิงด้วยซ้ายส่งบอลเข้าประตูไปอย่างสวยงาม อย่างไรก็ตาม คาร์ดิฟฟ์ ไม่ยอมง่ายๆตามตีไข่แตกไล่มาเป็น 1-3 ในนาทีที่ 80 จากจังหวะสวนกลับเร็ว อิซัค เดวิส ไหลบอลให้ รูบิน คอลวิลล์ หลุดมากดด้วยขวาในเขตโทษ เคลเลเฮอร์ หมดสิทธิ์เซฟ จบเกม ลิเวอร์พูลอัดคาร์ดิฟฟ์ 3-1 ผ่านเข้าสู่รอบต่อไปได้สำเร็จ

ต่างดาวคืนฟอร์ม บาซ่า 10 คนแต่คมกว่าทุบตราหมี 4-2 แซงขึ้นอันดับ 4 ของตาราง ศึกลาลีกา สเปน

บิ๊กแมตช์ ลาลีกาสัปดาห์นี้ เจ้าบุญทุ่ม บาร์เซโลน่า ที่ตอนนี้อยู่อันดับ 5 ของตาราง เปิดคัมป์ นู ต้อนรับทีม “ตราหมี” แอต.มาดริด โดยเกมนี้รางวัลของผู้ชนะ คือการขึ้นอันดับ 4 ของตาราง และผลของคู่นี้คือ บาเซโลน่า ของ ชาบี เอร์นานเดซ สามารถเอาชนะ ไปได้ 4-2 ขยับขึ้นไปอันดับที่ 4 แทน แอต.มาดริด โดยเพียง 8 นาที หลุยส์ ซัวเรซ เติมขึ้นมาทางฝั่งขวาของเปิดเข้ากลางให้ ยานนิค การ์ราสโก้ ยิงตามน้ำทันทีแบบไม่จับ ขึ้นนำไปก่อน 1-0 อย่างไรก็ตาม นาทีที่ 10 บาร์ซ่า ตามตีเสมออย่างรวดเร็ว เมื่อ ดาเนี่ยล อัลเวส เปิดบอลข้ามฝั่ง ไปให้ ยอร์ดี้ อัลบา ซัดบอลแบบไม่จับเสียบเสาร์สองเข้าประตูไปอย่างสุดสวย และ นาทีที่ 21 ของเกม อดาม่า ตราโอเล่ ก็ได้เปิดบอลจากริมเส้นให้เจ้าหนู ปาโบล กาบี โขกแฉลบ ยานนิค การ์ราสโก้ ขึ้นไป ตราหมีไป 2-1 ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ นาทีที่ 43 เมื่อเจ้าต่างดาวได้ลูกฟรีคิกนอกกรอบเปิดและเป็น โรนัลด์ อาเราโฮ ยิงจ่อๆไม่เหลือ เจ้าถิ่นออกนำห่าง 3-1 จบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์ 3-1 ต่อมาครึ่งหลังเพียงไม่กี่นาที ในนาทีที่ 49 กาบี ปาดเข้ามาในกรอบบอลแฉลบแนวรับตราหมีก่อนถึง ดานี่ อัลเวส วิ่งมาอัดเปรี้ยงเดียวแบบไม่จับส่งบอลเข้าก้นตาข่าย หนีห่าง แอต.มาดริด 4-1 แต่แล้ว นาที 59 แอต.มาดริด ไม่ท้อไล่มาเป็น 2-4 บอลเปิดจากด้านขวามาให้ โฮเซ่ คิมิเนซ โขกชงให้ หลุยส์ ซัวเรซ วิ่งโฉบมาโหม่งบอลเข้าไปไม่เหลือ นาที 69 บาร์เซโลน่า ต้องเหลือแค่ 10 คนหลัง ดานี่ อัลเวส ไปเล่นนอกเกมหลังเปิดปุ่มย่ำใส่ ยานนิค การ์ราสโก้ จนผู้ตัดสินควักใบแดงไล่ออกจากสนามทันที หลังจากนั้นทั้งคู่ทำอะไรกันไม่ได้ จบเกมบาเซโลน่า ชนะไปด้วยสกอร์ 4-2 ขยับขึ้นมาอันดับ 4 โดยมีคะแนน 38 แต้ม

เจ้าป่าทำช็อกอัดจิ้กจอกสยาม 4-1 ยับ ลอยลำเข้าสู่รอบ 5 ต่อไป

ศึกฟุตบอลเอฟเอคัพ อังกฤษ รอบสี่ คืนวันอาทิตย์ที่ 6 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา “จิ้งจอก” เลสเตอร์ ซิตี้ แชมป์เก่ารายการนี้ บุกรัง “เจ้าป่า” นอตติ้งแฮม ฟอเรสต์ เจ้าบ้านนำ 1-0 นาทีที่ 23 ฟอเรสต์เฮก่อน เบรนนัน จอห์นสัน วางบอลข้ามมาทางเสาซ้าย คีแนน เดวิส โหม่งตั้งย้อนเข้าหน้าประตู และเป็น ฟิลิปป์ ซินซ์เคอร์นาเกล ยกเท้ากระทุ้งในกรอบ 6 หลา เจ้าบ้านนำ 1-0 อีกเพียงนาทีเดียว ดาเนี่ยล อมาร์ตี้ย์ บังบอลก่อนไหลคืนให้นายทวาร ทว่าดันมี เบรนนัน จอห์นสัน สอดมาฉกบอลพร้อมแปหนี แดนนี่ วอร์ด พาเจ้าป่าทิ้งห่าง 2-0 นาทีที่ 32 เจมส์ การ์เนอร์ โยนเตะมุมด้านขวา โจ วอลราลล์ โหม่งบอลกดพื้นเด้งผ่านมือนายด่านจิ้งจอกซุกตาข่าย เจ้าฟ่าหนีห่าง 3-0 ช่วงนาทีที่ 40 เจด สเพนซ์ ได้โอกาสซัดในเขตโทษแต่โดนนายด่านทีมเยือนเซฟ ก่อนจังหวะสวนกลับกลายเป็น เจมส์ แมดดิสัน แทงบอลออกซ้าย เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ แตะหลบนายด่านเจ้าถิ่นที่ออกมานอกกรอบ แล้วยิงเรียดบอลกลิ้งเข้าประตู หมดครึ่งแรก จิ้งจอก ตามอยู่ 1-3 เจ้าป่าบวกเพิ่มนาทีที่ 61 เจด สเพนซ์ เลี้ยงบอลทำชิ่งกับ ฟิลิปป์ ซินซ์เคอร์นาเกล ก่อนหลุดตัวประกบจิ้งจอกมาหวดสวนตัว แดนนี่ วอร์ด ส่งบอลกองก้นตาข่ายอีกเม็ดฉีกหนี 4-1 จบเกมเลสเตอร์บุกไปแพ้ นอตติ้งแฮม ฟอเรสต์ถึงถิ่น 4-1 ตกรอบไปตามระเบียบ

ดูซาน วลาโฮวิชและเดนิส ซากาเรีย ประเดิมนัดแรกให้ "ม้าลาย"ฟอร์มโหด ยิงทั้งคู่ไล่ตบ เวโรน่า 2-0 ศึกกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี

 เริ่มเกมมาได้แค่ 13 นาที “ม้าลาย” ยูเวนตุส ทะยานขึ้นเหนือ เวโรน่า ทันที 1-0 จากจังหวะที่แนวรับทีมเยือนสกัดมาเข้าทาง เปาโล ดีบาล่า กระดกบอลจังหวะเดียวขึ้นหน้าให้ ดูซาน วลาโฮวิช หลุดเข้าไปก่อนยกบอลข้ามหัวนายด่านเวโรน่าเข้าไปอย่างเหนือชั้น นาที 61 จากจังหวะบอลสวนกลับ โมราต้า ไหลออกขวาให้ เดนนิส ซากาเรีย แข้งใหม่วิ่งมาซัดบอลเข้าไปตุงตาขายให้ ยูเวนตุส นำห่าง 2-0 จบเกมยูเวนตุสอัดเวโรน่า 2-0 แซง อตาลันต้า ขึ้นที่ 4 

เสือใต้ยังดุอัด ไลป์ซิก สุดมัน 3-2 นำลิ่วเป็นจ่าฝูง บุนเดสลีกา เยอรมัน ทิ้งห่าง อันดับสอง เสือเหลือง ถึง 9 แต้ม

เกมนี้ ยูเลียน นาเกิลสมันน์ นายใหญ่ “เสือใต้” จัดทัพแบบจัดเต็ม โดยเฉพาะแนวรุกที่มาครบทั้ง โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้, โธมัส มุลเลอร์ และ ลีรอย ซาเน่ ส่วนทีมเยือนมี คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู กับ ดานี่ โอลโม่ ช่วยปั้นเกมรุกอยู่หลัง อันเดร ซิลวา หัวหอกเลือดฝอยทอง นาทีที่ 12 บาเยิร์น ขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะที่ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ได้ยิงเน้นๆ ไปติดเซฟ เพเทอร์ กูลาชซี่ บอลมาเข้าทาง โธมัส มุลเลอร์ ยิงซ้ำเข้าไปง่ายๆ นาทีที่ 27 ไลป์ซิก ตีเสมอ 1-1 ได้สำเร็จ จากจังหวะที่ บาเยิร์น เสียบอลแดนกลาง คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู ได้พาบอลขึ้นหน้า ก่อนผ่านให้ คอนราด ไลเมอร์ ที่ตบบอลเข้ากลาง และเป็น อันเดร ซิลวา ยื่นเท้าแตะบอลค่อยๆ ไหลผ่านเส้นประตูเข้าไป นาทีที่ 34 บาเยิร์น เกือบขึ้นนำอีกครั้ง จากจังหวะกึ่งยิงกึ่งเปิดของ คิงสเล่ย์ โกมัน ซึ่งต้องชม กูลาชชี่ ที่บินปัดบอลปลายมือชนเสา นาทีที่ 44 “เสือใต้” ขึ้นนำอีกครั้งจนได้เป็น 2-1 จากจังหวะที่ โกมัน วางบอลเข้ากลางแบบเน้นๆ จากฝั่งซ้าย และเป็น เลวานดอฟสกี้ วิ่งเข้ามาโหม่งบอลย้อนศรเข้าไปอย่างเด็ดขาด นาทีที่ 53 ไลป์ซิก ตามตีเสมอได้อีกรอบเป็น 2-2 ซึ่ง ไลเมอร์ เจ้าเก่า แทงบอลให้ เอ็นคุนคู หลุดเข้าไปยิงบอลผ่านตัว นอยเออร์ อย่างเด็ดขาด กระนั้นนาทีที่ 58 “เสือใต้” ขึ้นนำหนสามเป็น 3-2 ซึ่งถือว่ามีโชคช่วย จากจังหวะที่ แซร์ช นาบรี้ ได้เปิดบอลจากฝั่งขวา บอลแฉลบ ยอสโก้ กวาร์ดิโอล เปลี่ยนทางเข้าประตูไป จบเกม บาเยิร์น เปิดบ้านเอาชนะ ไลป์ซิก 3-2

"ห้างยา" ฟอร์มดุ บุกยัดเยียดความพ่ายแพ้ให้ เสือเหลือง คาบ้าน 5-2 ตามจ่าฝูงเสือใต้อันดับหนึ่ง 9 แต้ม

ศึกบุนเดสลีกา เยอรมัน คู่บิ๊กแมตช์ประจำวันอาทิตย์ที่ 6 กุมภาพันธ์ 2565 ที่สนาม ซิกนัล อิดูน่า พาร์ค ระหว่าง ดอร์ทมุนด์ รองจ่าฝูง พบ เลเวอร์คูเซ่น ทีมอันดับ 3 ของตาราง ครึ่งแรกเกมเล่นมาได้เพียง 10 นาที กลายเป็น เลเวอร์ ที่บุกมาขึ้นนำก่อน 1-0 จากจังหวะที่ ดาน-อักเซล ซากาดู ไปพลาดจ่ายบอลเสียหน้าเขตโทษ ก่อนจะโดน พาทริค ชิค ฉกมายิงจ่อๆ ไปติดเซฟ เกรกอร์ โคเบล แต่ปัดไปโดนขา มานูเอล อคานยี่ กระดอนเข้าประตูตัวเอหลังจากนั้น นาที 16 ดอทมุนด์ ตามตีเสมอได้อย่างรวดเร็ว 1-1 ยูเลียน บรันด์ท เปิดฟรีคิกไปให้ โธมัส เมอนิเย่ร์ สอดมาโหม่งก่อนที่บอลสุดท้ายจะไปโดน เฌเรมี่ ฟริมปง สกัดเข้าประตูตัวเองไป แต่ถึงกระนั้น นาทีที่ 20 เลเวอร์ พลิกนำอีกครั้ง 2-1 จากจังหวะสวนกลับเร็วบอลมาถึง คาริม เบลลาราบี้ ลากขึ้นมาทางขวาก่อนจ่ายทะลุช่องให้ พาทริค ชิค หลุดเดี่ยวมาซัดแบบไม่จับส่งบอลตุงตาข่าย เกมเปิดหน้าแลกกันสนุกแบบไม่ให้หยุดหายใจ นาที 28 ทีมเยือนขยับหนีห่างเป็น 3-1 โรเบิร์ต อันดริช ปั่นฟรีคิกหน้าเขตโทษส่งบอลข้ามกำแพงพุ่งเสียบเสาแรกเข้าไปอย่างสวยงาม ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมทำอะไรกันเพิ่มไมได้ จบครึ่งแรก เลเวอร์ บุกมานำ ดอร์ทมุนด์ 3-1 ครึ่งหลัง ดอร์ทมุนด์ เปิดฉากบุกใส่ทันที นาที 50 เกือบได้ประตูไล่มาจากลูกยิงไกลของ ยูเลียน บรันด์ท บอลกระดอนพื้นทำให้ เลนนาร์ท กริลล์ ต้องพุ่งปัดออกหลัง อย่างไรก็ตาม เลเวอร์ ได้โต้กลับมาและมาได้ประตูที่ 4 จากจังหวะเตะมุมทางฝั่งขวาบอลชุลมุนในเขตโทษ ก่อนที่บอลจะมาเข้าทางปืนของ โยนาธาน ทาห์ กระโดยิงสวนตูมเดียวส่งบอลเสียบสามเหลี่ยมอย่างสุดสวย ดอร์ทมุนด์ เดินหน้าบุกฝ่ายเดียว นาทีที่ 80 ใกล้เคียงจะได้ลูกที่สองสุดๆเมื่อ โจวานนี่ เรย์น่า หลุดเข้าเขตโทษแต่ยังยิงไปติดเซฟของ เลนนาร์ท กริลล์ อย่างไรก็ตามท้ายเกมนาที 88 เลเวอร์ ได้ประตูนำ 5-1 จากจังหวะที่ เฌเรมี่ ฟริมปง เปิดบอลถวายพานมาให้ มุสซ่า ดิยาบี้ ซัดเข้าประตูไป ช่วงทดเจ็บนาที 90+1 เจ้าถิ่นมาได้ประตูปลอบใจจากลูกยิงของ สตีเฟ่น ทิกเกส ให้ ดอร์ทมุนด์ ไล่มาห่างๆ 2-5 เวลาที่เหลือไม่มีประตูเพิ่ม จบเกม เลเวอร์คูเซ่น บุกถล่ม ดอร์ทมุนด์ 5-2

 

ติดตามผลบอลสดได้ที่ : ผลบอลสด ผลบอลสด THscore

ติดตามผลบอลล่าสุดได้ที่ : ผลบอลล่าสุด ผลบอลย้อนหลัง

ติดตามโปรแกรมบอลพรุ่งนี้ได้ที่ : โปรแกรมบอลพรุ่งนี้

ติดตามข้อมูลการวิเคาะห์บอลได้ที่ : วิเคราะห์บอล UFAPB

สนใจสมัครแทงบอลได้ง่าย ๆ แค่คลิกรูปด่างล่าง